เนื้อหาในบทความนี้
2. การวิเคราะห์ 3 ประการ
การวิเคราะห์ตลาด Forex 3 ประการ
การวิเคราะห์ตลาด Forex 3 ประการ
ในตอนแรกลองพิจารณาการวิเคราะห์ 3 ประการ เกี่ยวกับการซื้อขายตลาด Forex
โดยมีรูปแบบพื้นฐานการวิเคราะห์ มี 3 ประการ ดังนี้
1. Technical Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค)
2. Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)
3. Sentiment Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยทางอารมณ์)
มีการอภิปรายกันเกี่ยวกับการวิเคราะห์ที่เหมาะสมกว่าจนถึงปัจจุบันแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องรู้ทั้ง 3 ประการนี้
สิ่งนี้ คือ พื้นฐานที่สร้างเสาทั้ง 3 เสา ถ้าหากเสาต้นใดต้นหนึ่งอ่อนแอ เสาหินก็จะหักและรากฐานก็จะพังลง การซื้อขาย Forex ก็เช่นกัน หากคุณเพิกเฉยข้อใดข้อหนึ่งใน 3 ข้อนี้และวิเคราะห์ไม่เพียงพอ ท้ายที่สุดคุณอาจจะล้มเหลวในการซื้อขายได้
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
โดยทฤษฎีนี้ คือ การตัดสินใจจากปรากฏการณ์ของตลาดและการเคลื่อนไหวในอนาคตโดยดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาจนถึงปัจจุบันในการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เหตุผลหลักคือ ในทางทฤษฎีข้อมูลตลาดในปัจจุบันมีการสะท้อนราคา หากข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นมีการสะท้อนเกี่ยวกับราคา การเคลื่อนไหวของราคาก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายโดยทั่วไป สิ่งนี้คือ จุดสำคัญของการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค ถ้าหากมาตรฐานราคาในอดีตต่อเนื่องในสถานะแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) แล้ว เทรดเดอร์ต้องทำการซื้อขายโดยอ้างอิงระดับราคาที่เหลืออยู่ในประวัติและมองอย่างระมัดระวังในส่วนนั้น
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคดูข้อมูลย้อนหลังเพื่อหารูปแบบที่คล้ายคลึงที่เกิดขึ้นในอดีต มองหาแนวโน้มและรูปแบบของความผันผวนของราคาเพื่อคว้าโอกาสในการซื้อขายที่ราคาจะเคลื่อนไหวคล้ายกับที่ผ่านมา
ในโลกของการซื้อขายสกุลเงิน เมื่อมีคนพูดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคสิ่งแรกที่นึกถึง คือ กราฟ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้กราฟเพื่อยืนยันและดูข้อมูลย้อนหลังได้ทันที
ซึ่งการดูข้อมูลย้อนหลังเพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาช่วยให้คว้าโอกาสของการซื้อขายได้ ยิ่งไปกว่านั้นเทรดเดอร์ทุกคนที่พึ่งพาการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค มันจะง่ายกว่าถ้ากำหนดเวลาซื้อขายตามรูปแบบราคาและตัวชี้วัด ยิ่งเทรดเดอร์พยายามค้นหาราคาและรูปแบบกราฟมากเท่าไหร่ รูปแบบนี้จะเห็นได้มากขึ้นในตลาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการตัดสินใจเชิงอัตวิสัย แม้ว่า A และ B กำลังดูกราฟสกุลเงินเดียวกัน พวกเขาก็ไม่สามารถทำการตัดสินใจแบบเดียวกันกับราคาที่จะเคลื่อนไหวได้
สิ่งสำคัญ คือ คุณเข้าใจแนวคิดของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตกใจเมื่อพูดถึง Fibonacci, Bollinger Bands, Pivot Points และอีกมากมาย จัดระเบียบแนวคิดการซื้อขายของคุณตามที่คาดไว้
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การให้อุปสงค์และอุปทานเป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาจะไปถึงไหนได้ง่าย แต่สิ่งที่ยากนั้นคือ การวิเคราะห์ปัจจัยทั้งหมดที่มีผลต่ออุปสงค์และอุปทาน
กล่าวคือ เศรษฐกิจของประเทศนั้นจะดีหรือไม่ดีต้องดูที่ปัจจัยต่างๆ เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าสิ่งไหน ส่งผลกระทำต่อนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างไรและทำไม ตัวอย่างเช่น ทำไมการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงิน อีกทั้งในที่สุดก็ส่งผลต่อความต้องการสกุลเงินด้วย
ในการวิเคราะห์ประเภทนี้ ในกรณีการมองแนวโน้มทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศนั้นดี คุณค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ต้องสูงขึ้น ยิ่งเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น บริษัทต่างประเทศและนักลงทุนก็จะมาลงทุนมากขึ้น เป็นผลทำให้มีความจำเป็นต้องซื้อสกุลเงินของประเทศนั้นเพื่อให้ได้สินทรัพย์อื่นๆ
ถ้าให้พูดอย่างง่ายๆด้านล่างเป็นรูปแบบการคิดวิเคราะห์พื้นฐาน
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่ามูลค่าของเงิน USD เพิ่มขึ้นโดยพื้นหลังของการปรับปรุงของเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นอาจต้องใช้มาตรการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงทำให้สินทรัพย์ทางการเงินดอลลาร์สหรัฐ(USD) น่าสนใจยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้สินทรัพย์ทางการเงินดอลลาร์สหรัฐนักลงทุนต้องซื้อธนบัตรดอลลาร์ก่อน จึงเป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่ามากขึ้นนั่นเอง
คุณจะได้เรียนรู้ด้วยว่าข้อมูลเศรษฐกิจไหน ทำให้ราคาค่าเงินขยับเคลื่อนไหวและทำไมถึงเป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังได้เรียนรู้อีกว่า Fed Chairman (ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา)เป็นใคร ข้อมูลการขายของอุตสาหกรรมค้าปลีกจะสะท้อนให้เห็นเศรษฐกิจอย่างไร เพียงแต่ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจวิธีการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของค่าเงินจากมุมมองทางเศรษฐกิจของประเทศก่อน
การวิเคราะห์ปัจจัยทางความรู้สึก
ก่อนหน้านี้เราได้กล่าวแล้วว่าการจัดการราคาในทางทฤษฎีควรสะท้อนข้อมูลตลาด น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเทรดเดอร์ Forex ตลาด Forex ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนของข้อมูลการตลาดเพียงเพราะเทรดเดอร์ทุกคนประพฤติตนเหมือนกัน
นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญในการวิเคราะห์ปัจจัยทางความรู้สึก (Sentiment analysis) เทรดเดอร์แต่ละคนมีความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด ซึ่งตลาดเปรียบเสมือน Facebook ที่เป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของแต่ละบุคคลที่เต็มไปด้วยฟีดข่าวที่หลากหลาย
ตลาดโดยทั่วไป แสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์มีความรู้สึกอย่างไร ความคิดและความคิดเห็นของเทรดเดอร์แต่ละรายจะแสดงโดยตำแหน่งที่สั่งและมันมีผลต่อการได้ยินโดยรวมโดยรวมของคุณโดยไม่คำนึงถึงข้อมูลที่มี
ปัญหา คือ เป็นจุดที่ไม่สามารถทำให้ตลาด Forex เคลื่อนไหวได้ตามใจได้ถึงแม้จะรู้สึกมั่นใจในการซื้อขายขนาดไหนก็ตาม แม้จะเชื่อว่าราคา USD จะขึ้นแต่ถ้าคนอื่นเมินเฉยเกี่ยวกับความคิดนั้นก็ไม่มีวิธี
ในฐานะเทรดเดอร์ต้องจ่ายดอกเบี้ยเหล่านั้น กล่าวคือ จะต้องติดตามวิเคราะห์ปัจจัยทางความรู้สึก (Sentiment analysis) ตลาดมีชีวิตชีวาหรือชะลอตัวลงอย่างไรนั้นคุณจะต้องประเมินเอง เป็นจุดที่กำหนดว่าคุณในฐานะผู้ประกอบการค้าได้รวมความเข้าใจของจิตวิทยาที่คุณเห็นในตลาดเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร
การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการตัดสินความเชื่อมั่นของตลาด เราจะบอกคุณในภายหลังว่าจะวิเคราะห์ความเชื่อมั่นของตลาดและเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและวิธีการใช้งานได้อย่างไร
การวิเคราะห์ใดเหมาะสมกับการซื้อขาย Forex
การวิเคราะห์ปัจจัยทางความรู้สึก(Sentiment Analysis)ของตลาด คือ การกำหนดว่าตลาดจะขึ้นหรือลงจากปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบันและอนาคต องค์ประกอบพื้นฐานในรูปแบบจิตวิทยาการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถยืนยันด้วยสาเหตุว่าจิตวิทยาและสามารถใช้เป็นกรอบสำหรับการวางแผนการซื้อขายได้
เพื่อเน้นความสำคัญของการวิเคราะห์ทั้งสามประเภทให้พิจารณารากฐานที่ทำจาก 3 ประเภทนี้ หากคุณพยายามที่จะนำเอาขาเสาต้นใดต้นหนึ่งออกมันจะสั่นคลอนและล้มลงในที่สุด เนื่องจากขาเสา (การวิเคราะห์ของแต่ละประเภท) แต่ละเสานั้นมีความสำคัญทุกอัน
ต้องรู้วิธีที่ใช้การวิเคราะห์แต่ละประเภทให้ได้ผลเพื่อให้ได้เป็น Forex Master ที่แท้จริง มาดูตัวที่ล้มเหลวและใช้ประเภทเดียวเท่านั้น
– ถ้าดูกราฟแล้วพบโอกาสในการทำการซื้อขาย “ไม่มีโอกาสที่สมบูรณ์แบบอีกต่อไปใน GBP/USD”
– ออกคำสั่งซื้อ GBP/USD
– แต่อยู่ก็ขยับไป 100 Pips ในทางตรงกันข้าม หนึ่งในธนาคารใหญ่ๆในอังกฤษยื่นฟ้องล้มละลายและในขณะนี้เทรดเดอร์ก็เริ่มเบื่อกับตลาดอังกฤษและทุกคนก็เริ่มทำการซื้อขายในทิศทางตรงกันข้าม
– ตามที่กล่าวมานี้ ทำให้เงินจำนวนมากหายไปภายในครั้งเดียว สิ่งนี้ คือ สาเหตุในการละเลยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Analysis)และการวิเคราะห์ปัจจัยทางความรู้สึก (Sentiment Analysis )
ดังนั้นเรื่องราวจึงเกิดความเป็นจริงเล็กน้อย แต่คุณควรเข้าใจประเด็นเรื่องนี้
เมื่อใช้สิ่งเหล่านี้คุณจะต้องเรียนรู้วิธีสร้างสมดุลและวิเคราะห์