เนื้อหาในบทความนี้
ทฤษฎีดาว (Dow Theory)
Dow Theoy ค่อนที่จะเข้าไปสู่กระบวนยุทธ์ในการวิเคราะห์ทิศทางของกราฟ ซึ่งมีสาระสำคัญที่ปรากฏในทฤษฎี ดังต่อไปนี้
การวิเคราะห์แนวโน้มของกราฟเบื้องนั้น สิ่งแรกที่ควรเรียนรู้คือ แนวโน้มของราคาหรือเทรน (Trend) จะสามารถบ่งบอกราคาได้ว่า ราคากำลังจะไปทางไหน ราคาจะขึ้นหรือลง ซึ่งการวิเคราะห์แนวโน้มนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
- แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
- แนวโน้มขาลง (Down Trend)
- ไม่มีทิศทางที่แน่นอน (Sideway)
นอกจากนี้ Dow Theoy ยังได้แบ่งระยะเวลาของแนวโน้มออกเป็น 3 ช่วง คือ primary, secondary และ minor ช่วง primary จะกินระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไป ในขณะที่ช่วง secondary จะกินระยะเวลา 3 สัปดาห์ถึง 3 เดือน ช่วง secondary นี้ ถือได้วเป็นช่วงระยะเวลาในการปรับตัว (correction) ใน primay trend ตัวอย่างเช่น ถ้าแนวโน้มเดิม ในช่วง primay เป็นขาขึ้น การปรับตัวใน seconday ก็จะเป็นขาลง หรือหากแนวโน้มเดิมในช่วง primary เป็นขาลง การ ปรับตัวใน secondary ก็จะเป็นขาขึ้น ซึ่งจำกันว่า โดยปกติการปรับตัวจะมีระยะ 1/3 หรือ 2/3 ของแนวโน้มเดิม ก่อนที่จะ เริ่มวกตัวกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิม (primary) แต่บ่อยครั้งมักจะเกิดขึ้นระดับ 50% ส่วนช่วง minor จะกินระยะเวลาน้อยกว่า 3 สัปดาห์ จึงถือวช่วง minor นี้เป็นเพียงแค่การแกว่งตัวของราคาที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ถ้าพูดกันง่ายๆก็คือแนวโน้มจะแบ่งออกมาเป็น 3 ช่วง เทรนหลัก เทรนรอง และ เทรนย่อย นั่นเอง การที่ราคาเกิดแนวโน้มนั้นจะสลับทิศทางกัน เช่น เทรนหลักเป็นทิศทางขาขึ้น แต่เทรนรองจะเป็นขาลง ในการเทรดบางครั้งมือใหม่ที่ยังมองเทรนไม่ออกจะทำให้สับสนได้นั่นเอง
การจะแบ่งช่วงเวลาของเทรนสามารถแบ่งใน TF ของกราฟได้ดังนี้
- D1 W1 MN เป็นเทรนหลัก
- H1 H4 เป็นเทรนรอง
- M1 M5 M15 M30 เป็นเทรนย่อย
1.แนวโน้มขาขึ้น (UP Trend)
แนวโน้มขาขึ้น Up Trend คือ จุดสูงสุดของราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดใหม่ของราคาก็สูงกว่าจุดต่ำสุดเก่าชึ่งแทน จุดสูงสุด (High-H) และจุดต่ำสุด (LOW-L) การปรับตัวของจุดสูงสุดที่สูงขึ้นจะแทนด้วย (Higher High – HH) เช่นกันจุดต่ำสุดที่ปรับตัวราคาสูงขึ้นตามจะแทนด้วย (Higher Low – HL)
การปรับตัวของราคาว่าอิงเป็นเทรนขาขึ้นนั้นจะเป็น (HH) จะเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่าทิศทางกำลังจะปรับตัวสูงขึ้น
และจุดเข้า Buy จะเป็น (HL)
2.แนวโน้มขาลง (Down Trend)
แนวโน้มขาลง Down Trend คือ จุดต่ำสุดของราคาจะต่ำลงเรื่อยๆ และจุดสูงสุดใหม่ของราคาก็ต่ำกว่าจุดสูงสุดเก่าชึ่งแทน จุดสูงสุด (High-H) และจุดต่ำสุด (LOW-L) การปรับตัวของจุดต่ำสุดที่ต่ำลงจะแทนด้วย (Lower Low – LL) เช่นกันจุดสูงสุดที่ปรับตัวราคาต่ำลงจะแทนด้วย (Lower High – LH)
การปรับตัวของราคาว่าอิงเป็นเทรนขาลงนั้นจะเป็น (LL) จะเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่าทิศทางกำลังจะปรับตัวลงลด
และจุดเข้า Sell จะเป็น (LH)
2.แนวโน้มไร้ทิศทาง (Sideway)
แนวโน้มไร้ทิศทาง Sideway คือ จุดสูงสุงจะอยู่ในบริเวณราคาเดิมๆ และจุดต่ำสุงก็เช่นกัน หรือในบางครั้งราคาอาจจะบีบกรอบให้แคบลงจนเป็นรูปแบบ Pattern
การเข้าออเดอร์นั้นไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Buy หรือ Sell จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มก่อนหน้า เพราะว่าแนวโน้มที่ไร้ทิศทางนั้นเป็นการพักตัวของราคา